ร้าน อุ๋ม ปัง หยา สาขา 2
(อ่าน 3249)
หากใครผ่านมาไหว้พระที่วัดหลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วนึกอยากนั่งพักผ่อนสบายๆ ในแอร์เย็นฉ่ำ กินขนม จิบชา หรือกินอาหารไทย - ฝรั่งอร่อยๆ ในราคาที่ไม่แพง ลองแวะมาที่ร้าน "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) ตั้งอยู่บนถนนบางปะกง - ฉะเชิงเทรา อยู่เลยโตโยต้าบ้านโพธิ์มาไม่ไกล และอยู่ห่างจากวัดหลวงพ่อโสธรแค่ประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านั้น ที่ร้านนี้มีให้ครบหมดทุกอย่าง เป็นทั้งจุดแวะพักริมทางที่มีห้องน้ำสะอาดมาก และภายในห้องน้ำแต่ละห้องก็มีขนาดที่ใหญ่ไม่อึดอัด แล้วยังเป็นจุดแวะซื้อของฝากของดีเมืองฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ยังเป็นร้านอาหาร - ขนมเบเกอรี่ และเครื่องดื่มเย็นๆ ให้นั่งพักหาอะไรรองท้องก่อนออกเดินทางต่อไป หรือถ้าใครจะมุ่งหน้ามาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาหาของอร่อยๆ กินตามจังหวัดใกล้ๆ ที่ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) ก็เดินทางสะดวกและไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เลย เพียงหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงที่หมายแล้ว "อาหารที่นี่ทุกจานไม่ใส่ผงชูรส" 1 อาหารคาว เริ่มกันที่เมนูอาหารคาาวกันก่อน ซึ่งอาหารของ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) ก็มีให้เลือกหลากหลายทั้งอาหารจานหลัก ของกินเล่น มีทั้งกินเป็นกับข้าวและอาหารจานเดียว และมีให้เลือกไทยอาหารไทยและฝรั่งแบบประยุกต์ ในสนนราคาที่ไม่แพงจน แถมที่สำคัญอาหารของที่นี่ทุกจานไม่ใส่ผงชูรสโดยเด็ดขาด เพื่อสุขภาพและพลานามัยที่ดีของลูกค้า 3 เมนูแรกขอแนะนำให้สำหรับคนที่ชอบอาหารเบาๆ เพื่อสุขภาพ เช่น อาหารประเภทยำทั้งหลาย อาทิ "ยำตะไคร้กุ้งสด" (ราคา 120 บาท) เป็นยำที่เต็มไปด้วยสมุนไพรที่มีประโยชน์กับร่างกาย อย่างตะไคร้สดที่ซอยจนละเอียดแล้วคลุกเคล้าเข้ากับกุ้งลวก หมูสับและน้ำยำรสจัดจ้านเผ้ดเปรี้ยวถึงใจ หรือ "ยำเห็ดออรินจิ" (ราคา 120 บาท) ที่ใช้เห็ดออรินจิชิ้นใหญ่ เนื้อเหนียวนุ่ม มาคลุกเคล้ากับน้ำยำรสชาติไม่จัดมาก....ทั้งสองเมนูนี้ จะกินเปล่าๆ ก็เพลินดี หรือจะกินกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อย มีจานยำแล้ว ก็น่าจะมีจานทอดและแกงอีกอย่างละหนึ่งเมนู ซึ่งเมนูแนะนำที่ห้ามพลาด เมื่อมาที่ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) คือ "ปลากะพงทอดราดน้ำปลา" (ราคา 150 บาท) ปลากะพงเนื้อเหนียวนุ่มชุบแป้งทอดกรอบๆ กินคู่กับน้ำจิ้มรสแซ่บสูตรเฉพาะของร้านเผ็ดเปรี้ยวถึงใจ ตามมาด้วย "แกงเขียวหวานปลาแซลมอน" (ราคา 250 บาท) แกงเขียวหวานสไตล์ไทยๆ แต่ประยุกต์มาใส่ปลาแซลมอนแทน เนื้อปลาหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าขนาดกลาง ทำให้ซึมซับน้ำแกงเขียวหวานได้ดี ส่วนน้ำแกงก็รสชาติเข้มข้นแบบไทยๆ แต่หากใครมองหาอาหารจานเดียวสไตล์ฝรั่งที่ประยุกต์ใส่ความเป็นไทยลงไปด้วย ก็ต้องลองสั่งเมนูสีสวยน่ากินอย่าง "สปาเก็ตตี้ผัดพริกเผากุ้งสด" (ราคา 119 บาท) สปาเก็ตตี้เส้นเหนียวนุ่ม และกุ้งเนื้อเด้งๆ ตัวขนาดกำลังดี ผัดคลุกเคล้ามากับน้ำพริกเผารสเข้มหวานมันเค็มเผ็ดครบรสแบบไทยๆ แล้วโรยหน้าด้วยใบกะเพราทอดกรอบหอมๆ เมื่อคลุกเคล้าทุกอย่างจนเข้ากันดีแล้ว จะได้สปาเก็ตตี้รสชาติเข้มข้นที่อร่อยจนวางช้อนไม่ลงเลยทีเดียว จานสุดท้ายเป็น "สเต็กหมู" (ราคา 95 บาท) เนื้อหมูสันนอกติดมันนิดๆ พอให้หมูนุ่ม หมักกับเครื่องเทศแล้วนำไปกริลล์จนสุกกำลังดี เสิร์ฟคู่ขนมปังชีสชิ้นหนานุ่ม สลัดผัก และน้ำเกรวี่ "อร่อยด้วยสูตรที่เจ้าของร้านไปร่ำเรียนมากจาก กอร์ดอง เบลอ ในราคาที่เอื้อมถึง" 2 เบเกอรี่ ใครเลยจะคิดว่าร้านในต่างจังหวัดจะมีขนมเบเกอรี่อร่อยเด็ดเช่นนี้ซุกซ่อนตัวอยู่ แถมยังราคาไม่แรงเหมือนในกรุงเทพฯ ด้วย เริ่มกัันด้วยเมนู Dessert สุดครีเอท ซึ่งเป็นเมนูที่มาของชื่อร้าน นั่นคือ "สังขยาหม้อไฟ" (ราคา 69 บาท) ที่นำเอาขนมปังจิ้มสังขยาแบบธรรมดาๆ มาประยุกต์ให้กลายเป็นเมนูสังขยาหม้อไฟ ด้วยการใช้ไฟลนสังขยาให้ร้อน แล้วค่อยนำขนมปังนุ่มๆ ลงไปจุ่มสังขยาให้ทั่วทั้งชิ้น ได้ฟีลเหมือนการกินฟองดูว์อย่างไรอย่างนั้น สังขยาของ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) อร่อยเข้มข้นด้วยการใช้วัตถุดิบที่สดใหม่อยู่เสมอ ทั้งกะทิ และใบเตย เนื้อสังขยาจึงเข้มข้น และมีผิวสัมผัสที่ข้นกำลังดี ไม่เหลวจนเกินไป และเมื่อพูดถึงฟองดูว์ ที่ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) ก็มีเมนู "ช็อกโกแลตฟองดูว์" (ราคา 135 บาท) และเมื่อพูดถึงฟองดูว์ ที่ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) ก็มีเมนู ให้เลือกอร่อยด้วยเหมือนกัน โดยเลือกใช้ดาร์คช็อกโกแลตจากเบลเยียมที่มีรสชาติไม่หวานจนเกินไป เสิร์ฟมาพร้อมกับผลไม้สดๆ นานาชนิด เช่น สตรอเบอร์รี่ กีวี แก้วมังกร องุ่น แอปเปิ้ลแดง แอปเปิ้ลเขียว กล้วย และขนมปังนุ่มๆ ที่จะเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้น เมื่อเคลือบช้อกโกแลตจนทั่วทั้งชิ้นแล้ว ในเมืองมีฮันนี่โทสต์ขายยังไง ฉะเชิงเทราก็มีฮันนี่โทสต์อร่อยๆ ให้กินที่ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) เช่นกัน กับเมนู"อุ๋มฮันนี่โทสต์" (ราคา 135 บาท) ด้วยเนื้อขนมปังที่ฟูและหนานุ่มอบเนยมาจนชุ่มฉ่ำ ราดด้วยน้ำผึ้งสูตรพิเศษของร้านที่ให้รสกลมกล่อมกว่าน้ำผึ้งปกติ แล้วเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมและวิปครีม เป็นเมนูขนมที่กินแล้วเพลินจนต้องรีบจิ้มชิ้นต่อไปมากินไม่ให้ขาดตอน "อุ๋มฮันนี่โทสต์" (ราคา 135 บาท) และอีกหนึ่งเมนูยอดนิยมที่คนรักขนมหลายคนชื่นชอบ นั่นคือ ช็อโกแลตลาวา ซึ่งที่ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) ก็มี"ช็อกโกแลตคอมโบลาวา" (ราคา 115 บาท) ก็มีให้อร่อยเช่นกัน ด้วยเนื้อช็อกโกแลตลาวานุ่มๆ ที่เพียงแค่ใช้ช้อนตัด ซอสช็อกโกแลตลาวาก็จะไหลเยิ้มออกมาให้ตักกินคู่กับไอศกรีมและผลไม้ ตบท้ายด้วยเมนู "วาฟเฟิล" (ราคา 75 บาท) กับแป้งวัฟเฟิลเนื้อนุ่ม เสิร์ฟคู่กับกล้วยหอมสด ไอศกรีม และวิปครีม ราดด้วยน้ำผึ้งหอมๆ และซอสช็อกโกแลตฉ่ำเยิ้มเกินห้ามใจ และนอกจากเมนู Dessert อร่อยๆ แล้ว ที่ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) ยังมีเค้กอร่อยๆ ให้เลือกอีกหลายชนิด เช่น"เค้กมะพร้าวอ่อน" (ราคาชิ้นละ 85 บาท) เป็นเค้กขึ้นชื่อของร้านเลยทีเดียว เพราะใช้ของดีของจังหวัดฉะเชิงเทรา นั่นคือมะพร้าวอ่อน ที่ไม่ว่าจะผ่านไปบนถนนเส้นไหนในฉะเชิงเทรา ก็เป็นต้องได้เห็นเพิงขายไอศกรีมกะทิ ไอศกรีมมะพร้าวอ่อนตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทาง และเมื่อมีวัตถุดิบดีๆ สดๆ อยู่ใกล้มือขนาดนี้ เค้กมะพร้าวอ่อนของ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) จึงอร่อยเข้มข้นหวานมันสุดๆ ด้านบนเค้กท้อปปิ้งด้วยวุ้นกะทิ ส่วนตรงกลางเค้กยังมีเนื้อมะพร้าวอ่อนอัดแน่นอยู่เต็มๆ อร่อยยกกำลังสองกันเลยทีเดียว แล้วยังมี "เครปเค้ก" (ราคาชิ้นละ 85 บาท) ที่เนื้อแป้งเนียนบางวางสลับชั้นกับครีมสดนุ่มละมุน ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะราดซอสสตรอเบอร์รี่หรือซอสบลูเบอร์รี่ และ “Fruitcake” (ราคาชิ้นละ 85 บาท) เนื้อเค้กสปองจ์แทรกกลางด้วยครีมเนื้อเนียนและผลไม้สด เค้กของที่นี่เนื้อค่อนข้างเบา เหมาะจะสั่งมานั่งกินกับชาร้อนๆ เป็นที่สุด "ที่นี่ใช้สีหนุก คอฟฟี่ กาแฟออร์แกนิคจากลาว และชาชั้นดีที่เบลนด์สดๆ กับดอกไม้และผลไม้จนหอมจรุงใจ" 3 เครื่องดื่ม ที่อื่นๆ อาจะนิยมใช้กาแฟที่มาจากประเทศในแถบอเมริกาใต้ หรือแอฟริกา แต่ที่ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) เลือกใช้กาแฟออร์แกนิคแบรนด์ "สีหนุกคอฟฟี่" ที่ปลูกบนที่ราบสูงโบโลเวน ในประเทศลาว กาแฟสีหนุเป็นกาแฟที่ปราศจากการใช้สารเคมีในทุกขั้นตอนการผลิต เพราะไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมี ไม่มีการใช้ยาปราบศัตรูพืช เหตุที่ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเคมี เพราะดินของที่ราบสูงโบโลเวนอุดมไปด้วยแร่ธาติจากภูเขาไฟที่มอดดับแล้ว ซึ่งเหมาะแก่การทำการเกษตรเมล็ดกาแฟจึงมีกลิ่นหอมและให้รสเข้มทว่าไม่ขมจนเกินไป ซึ่งที่ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) ก็มีเมนูกาแฟให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งร้อนและเย็น อาทิ "คาปูชิโน่เย็น" (ราคา 60 บาท) คาปูชิโน่เย็นที่ชงมาแบบรสเข้มกำลังดี เสริมด้วยฟองนมนุ่มๆ ฟูฟ่อง แล้วราดด้วยคาราเมลซอส หรือถ้าชอบละเมียดกลิ่นหอมกาแฟนานๆ ก็ต้องสั่งเป็น "คาปูชิโน่ร้อน" (ราคา 50 บาท) เสิร์ฟมาในแก้วสองชั้นเก๋ไก๋ที่ช่วยให้ถือแก้วได้สะดวกขึ้นไม่ร้อนมือ คาปูชิโน่รสเข้มข้นแต่ปริมาณคาเฟอีนไม่แรงมากเกินไปจนกินแล้วใจสั่น ถ้าชอบหวานก็สามารถเติมน้ำผึ้งลงไปเพิ่มได้ และไม่เพียงกาแฟจะใช้ของประเทศลาวเท่านั้น ชาที่ใช้ในเมนู "ชาเขียวเย็น" (ราคา 60 บาท) ก็มาจากลาวเช่นกัน ซึ่งชาเขียวของ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) จะรสชาตินวลๆ ไม่หวานมาก เสริมด้วยฟองนุ่มหนานุ่ม แล้วท้อปปิ้งด้วยอัลมอนด์สไลซ์ ส่วนใครที่ชอบจิบน้ำชาร้อนๆ แกล้มกับขนมอร่อยๆ ที่ "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) ก็มีชาหลายชนิดให้เลือกสั่งแบบเป็นชุด ซึ่งจะประกอบด้วยชา 1 กา กับแก้ว 2 ใบ (ราคาชุดละ 80 บาท) และสามารถเติมน้ำร้อนได้เรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ ชาของที่นี่ก็ล้วนแล้วแต่มีกลิ่นหอมจรุงใจทั้งสิ้น เพราะเบลนด์แบบสดๆ กับดอกไม้และผลไม้นานาชนิดจนได้กลิ่นหอม ซึ่งกลิ่นที่แนะนำว่าต้องลอง ก็ได้แก่ "Oriental Secret" (ราคา 80 บาท) เป็นชาเขียวที่นำไปเบลนด์กับตะไคร้ สับปะรดอบแห้ง มะละกอ และดอกดาวเรือง จนได้ชาที่มีกลิ่นหอมลึกลับราวกับน้ำหอมชั้นดี ที่จะค่อยๆ ปล่อยกลิ่นอันหอมหวลออกมาให้กำซาบอยู่ในปาก หรือหากชอบชาแนวผลไม้ ก็ต้อง "Berry Secret" (ราคา 80 บาท) เป็นชาดำที่นำไปเบลนด์กับดอกไม้และผลไม้นานาชนิด เช่น แครนเบอร์รี่ แอปเปิ้ล ดอกไฮบิสคัส และโรสฮิป จนได้ชาที่มีกลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวเหมือนผลไม้ และเมื่อชงออกมา น้ำชาก็จะมีสีแดงใสสวยงามพร้อมรสชาติที่อมเปรี้ยวนิดๆ และหากเพียงเติมไซรัปและน้ำแข็งลงไปนิดหน่อย ก็จะได้ชาผลไม้เย็นๆ ชื่นใจดับร้อน ดับกระหายได้แล้ว ปิดท้ายด้วย "สตรอเบอร์รี่สมูทตี้ปั่น" (ราคา 60 บาท) สมูทตี้ที่ประยุกต์เอาครีมไปไว้ที่ก้นแก้วแทนที่จะเอามาไว้ด้านบนแบบที่คุ้นเคย ทำให้เมื่อดูดน้ำสมูทตี้ รสชาติก็จะไล่ขึ้นมาจากความหวานมันของครีมที่ก้นแก้ว มาจนถึงรสชาติเปรี้ยวอมหวาานของเนื้อสตรอเบอร์รี่ปั่น แล้วทุกอย่างก็จะค่อยๆ หลอมรวมกันปล่อยความสดชื่นในปาก หากใครแวะมาไหว้พระ หรือทำธุระที่ฉะเชิงเทรา อย่าลืมลองขับรถมาที่ร้าน "อุ๋มปังหยา" (สาขา 2) กันดู หรือจะแวะไปที่ร้านสาขาแรกบนถนนเทพคุณากรก็ได้ เพราะอยู่ห่างจากวัดหลวงพ่อโสธรแค่เพียง 800 เมตรเท่านั้น
โพสเมื่อ : 29 ส.ค. 2557
|